วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การประกาศผลรางวัลโนเบลประจำปี 2008

วันที่ 6 ต.ค. เวลา 16.30 น. : สาขาสรีรศาสตร์หรือการแพทย์
มอบรางวัลโดย : สมัชชาโนเบล ที่สถาบันแคโรลินสกา (The Nobel Assembly at the Karolinska Institute)

แบ่งรางวัลเป็น 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 : 2 นักวิจัยจากฝรั่งเศส คือ ฟรังซัวส์ แบร์เร-ซินอยซี (Francoise Barre-Sinoussi) วัย 61 ปี จากหน่วยวิจัยไวรัสวิทยา สถาบันหลุยส์ปาสเตอร์ ในกรุงปารีส (Regulation of Retroviral Infections Unit, Virology Department, Institut Pasteur Paris, France) และ ลุค มองตากนีแยร์ (Luc Montagnier) วัย 76 ปี จากมูลนิธวิจัยและป้องกันเอดส์ ยูเนสโก (World Foundation for AIDS Research and Prevention Paris, France) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงปารีส

คณะกรรมการกล่าวสดุดีว่า "สำหรับพวกเขา ที่ค้นพบไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในมนุษย์" (for their discovery of human immunodeficiency virus) หรือเชื้อ เอชไอวี (HIV) นั่นเอง

ส่วนที่ 2 : ศ.นพ.ฮารัลด์ ซัวร์ เฮาเซ่น (Professor Harald Zur Hausen) วัย 72 ปี จากศูนย์วิจัยมะเร็ง เมืองไฮเดลเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (German Cancer Research CentreHeidelberg, Germany)

คณะกรรมการกล่าวสดุดีว่า "สำหรับการค้นพบไวรัสแพ็บพิลโลม่าในมนุษย์ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งปากมดลูก" ("for his discovery of human papilloma viruses causing cervical cancer") หรือเชื้อ "เอชพีวี" นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม :
- แพทย์รางวัลเจ้าฟ้ามหิดลผู้พบต้นเหตุมะเร็งปากมดลูก พร้อมผู้พบเชื้อ HIV ประเดิมโนเบลแรก
- วัคซีนเอดส์ทำไมสำเร็จยาก? แต่ก็ส่งนักวิทย์ผู้พบ HIV คว้าโนเบล
- "โนเบลเซอร์ไพรซ์" ไม่ให้อเมริกันเอี่ยวรางวัลค้นพบเชื้อเอดส์
- นักวิทย์มะกันโชว์สปิริตไม่ได้โนเบลไม่เป็นไร แต่ดีใจกับเพื่อนด้วย
-------------------------------------------------------

คาดการณ์...

- ชิซู อากิระ (Shizuo Akira) จากมหาวิทยาลัยโอซากา (Osaka University) ญี่ปุ่น, บรูซ บิวต์เลอร์ (Bruce Beutler) จาก The Scripps Research Institute สหรัฐอเมริกา และ จูลส์ เอ ฮอฟฟ์แมน (Jules A. Hoffman) จาก Frence Academy of Science ฝรั่งเศศ จากผลงาน การค้นพบระบบภูมิคุ้มกัน

- วิคเตอร์ แอมบรอส (Victor Ambros) จาก University of Massachusetts Medical School และ การี รัฟกัน (Gary Ruvkun) จาก Harvard Medical School and Massachusetts General Hospital สหรัฐฯ จากผลงาน การค้นพบ microRNA และบทบาทในการปิดการทำงานของยีน

- โรรี คอลลินส์ (Rory Collins) และ เซอร์ ริชาร์ด เพโต (Sir Richard Peto) จาก University of Oxford สหราชอาณาจักร จากผลงาน การพัฒนาข้อมูลทางสถิติจากการทดลองทางคลินิกเพื่อการวินิจฉัยโรค



********************



(จากซ้ายไปขวา) โยอิชิโร นามบุ, มาโกโต โคบายาชิ และ โตชิฮิเดะ มัสกาวา


วันที่ 7 ต.ค. เวลา 16.45 น. : สาขาฟิสิกส์
มอบรางวัลโดย : ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน (The Royal Swedish Academy of Sciences)

แบ่งรางวัลเป็น 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 : โยอิชิโร นามบุ (Yoichiro Nambu) วัย 87 ปี ในฐานะนักวิจัยแห่งสหรัฐฯ จากสถาบันเอนริโก เฟอร์มิ มหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐฯ (Enrico Fermi Institute, University of Chicago Chicago, IL, USA)

คณะกรรมการได้กล่าวสดุดีไว้ว่า สำหรับการพัฒนา "แบบจำลองพื้นฐานของอนุภาคมูลฐานในทางฟิสิกส์อนุภาค ซึ่งรวมโครงสร้างที่เล็กที่สุดของสสาร และรวม 3 ใน 4 ของแรงพื้นฐาน อยู่ภายในทฤษฎีเดียว.

ส่วนที่ 2 : มาโกโต โคบายาชิ (Makoto Kobayashi) วัย 64 ปี นักวิทยาศาสตร์จากองค์กรวิจัยเครื่องเร่งพลังงานสูง (High Energy Accelerator Research Organization : KEK) ในเมืองสึคุบะ ประเทศญี่ป่น และ โตชิฮิเดะ มัสกาวา (Toshihide Maskawa) วัย 68 ปี จาก สถาบันฟิสิกส์ทฤษฎียุกาวา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญีปุ่น (Yukawa Institute for Theoretical Physics (YITP), Kyoto University Kyoto, Japan)

คณะกรรมการได้มอบรางวัลให้ทั้ง 2 โดยกล่าวสดุดีต่อการค้นพบ "ต้นกำเนิดการทำลายสมมาตรด้วยตัวเอง (broken symmetry) ซึ่งทำนายการมีอยู่ของควาร์กในธรรมชาติ อย่างน้อยก็ 3 ตระกูล"

อ่านเพิ่มเติม :
- 3 ญี่ปุ่นกวาดเรียบโนเบลฟิสิกส์

คาดการณ์...

- อังเดร เกม (Andre Geim) และ คอสต์ยา (Kostya Novoselov) จาก University of Manchester สหราชอาณาจักร จากผลงาน การค้นพบกราฟีน (graphene)

- เวรา รูบิน (Vera Rubin) จาก Carnegie Institution for Science สหรัฐอเมริกา จากผลงาน การค้นพบการมีอยู่ของวัตถุดำ (dark matter) ในเอกภพ

- เซอร์โรเจอร์ เพนโรส (Sir Roger Penrose) จาก University ot Oxford สหราชอาณาจักร และ แดน เชชต์แมน (Dan Shechtman) จาก Iowa State University สหรัฐฯ จากผลงาน การศึกษาวิจัยผลึกแก้ว


********************



(จากซ้ายไปขวา) มาร์ติน ชาลฟี, โอซามุ ชิโมมุระ และ โรเจอร์ เฉียน


วันที่ 8 ต.ค. เวลา 16.45 น. : สาขาเคมี
มอบรางวัลโดย : ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน (The Royal Swedish Academy of Sciences)

มอบให้แก่นักวิทยาศาสตร์ 3 รายคือ

- โอซามุ ชิโมมุระ (Osamu Shimomura) จากหน่วยปฏิบัติการณ์ชีววิทยาทางทะเล (Marine Biological Laboratory: MBL) มลรัฐแมสซาชูเซตต์

- มาร์ติน ชาลฟี (Martin Chalfie) จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) มลรัฐนิวยอร์ก

- โรเจอร์ เฉียน (Roger Y. Tsien) จากมหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย ในซานดิเอโก (University of California) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

คณะกรรมการได้มอบรางวัลให้ทั้ง 3 โดยกล่าวสดุดีว่า ในการค้นพบโปรตีนเรืองแสง และพัฒนาจนสามารถนำไปใช้ประโยชน์หลากหลาย ในงานวิจัยด้านพันธุศาสตร์และชีววิทยา

อ่านเพิ่มเติม :
- แมงกะพรุนเรืองแสงพานักวิทย์สหรัฐฯ 3 เชื้อชาติคว้าโนเบลเคมีปีนี้
- ตามรอยโนเบลเคมี จากโปรตีนเรืองแสงในแมงกะพรุนสู่วิทยาการเพื่อชีวิต
- ปีทองของเขาจริงๆ ! นายกฯ ญี่ปุ่นหน้าบานลูกพระอาทิตย์เต็มเวที "โนเบล"

คาดการณ์...

- ชาร์ลส เลเบอร์ (Charls Leiber) จาก Harvard University สหรัฐฯ จากผลงาน การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับลวดนาโน (nanowire) และวัสดุนาโน

- Krzysztof Matyjaszewski จาก Carnegie Mellon University สหรัฐฯ จากผลงาน การพัฒนากระบวนการพอลิเมอไรเซชัน

- โรเจอร์ เสียน (Roger Tsien) จาก University of California San Diego สหรัฐฯ จากผลงาน การใช้สารเรืองแสง ในการศึกษากลไกการทำงานภายในเซลล์สิ่งมีชีวิต


********************





วันที่ 9 ต.ค. เวลา 18.00 น. : สาขาวรรณกรรม
มอบรางวัลโดย : สถาบันวิชาการสวีเดน (The Swedish Academy)

มอบให้แก่ : ฌอง-มารี กุสตาฟ เลอ เคลซีโอ (Jean-Marie Gustave Le Clezio) นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส


********************





วันที่ 10 ต.ค. เวลา 16.00 น. : สาขาสันติภาพ
มอบรางวัลโดย :สถาบันโนเบลแห่งนอร์เวย์ (The Norwegian Nobel Institute)

- มาร์ตตี อาห์ตีซารี (Martti Ahtisaari) วัย 69 ปี อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์

คณะกรรมการสดุดีว่า เขามีความพยายามอย่างสำคัญตลอดกว่า 3 ทศวรรษในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทั้งนี้ อาห์ตีซารี เคยช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยวิกฤตการณ์ความขัดแย้งมาแล้วหลายต่อหลายพื้นที่ ไล่ตั้งแต่โคโซโว จนถึงอินโดนีเซีย


********************





วันที่ 13 ต.ค. เวลา 18.00 น. : สาขาเศรษฐศาสตร์
มอบรางวัลโดย : ธนาคารกลางสวีเดน

คาดการณ์...

- ลาร์ส พี แฮนเซน (Lars P. Hansen) จาก University of Chicago, โธมัส เจ ซาร์เกนต์ (Thomas J. Sargent) จาก Hoover Institution และ คริสโตเฟอร์ เอ ซิมส์ (Christopher A. Sims) จาก Princeton University สหรัฐฯ จากผลงาน แบบจำลองการใช้เทคนิคทางคณิตศาสตร์และทางสถิติในการทดสอบทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์

- อาร์เมน เอ อัลเชน (Armen A. Alchain) และ แฮโรลด์ เดมเซตซ์ (Harold Demserz) จาก University ot California Los Angeles สหรัฐฯ จากผลงาน ทฤษฎีหน่วยผลิต (theory of the firm) และ ทรัพยสิทธิ (property right)

- มาร์ติน เอส เฟลด์สไตน์ (Martin S. Feldstein) จาก National Bureau of Economic Research สหรัฐฯ จากผลงาน การศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณะ (Public Economics)

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

อะไรใหม่ๆ


หลังจากไม่ได้เล่นมาเกือบครึ่งปี!!

55

ก็มันขี้เกียจ และคาดว่าไม่มีคนมาดู ก็เลยไม่ได้เข้า
และวันนี้ ก็ด้วยศรัทธาเดิมๆ(คาดว่าก็คงไม่มีคนมาดูเหมือนเดิม55)
อ่ะ ก็จะมาบอกความเคลื่อนไหวของตัวเองและของมิลาน 55
ตอนนี้ได้อยู่โรงเรียนใหม่ เบญจมราชูทิศ เป็นโรงเรียนประจำจังหวัด
ซึ่งเป็นของรัฐบาล ไอ้เราก็มาจากเอกชนก็ปรับตัวไม่ค่อยจะทันเท่าไร !!

ส่วนเรื่องมิลาน ซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็โชว์รวยกันไป ซื้อมาหลายคน
ที่เห็นเด่นๆก็คือโรนัลดิญโญ่ ส่วนที่ได้มาฟรีๆคือฟลามินี่ แล้วก็มีอีกหลายคน
ช่วงนี้ฟอร์มกำลังจี๊ดก็เลยดูมีความสุข 55



ไม่มีสาระเลยใช่มั้ย!! 55

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551

ไว้อาลัยพระพี่นางฯ

อัพครั้งนี้เพื่อพระพี่นางครับ เรามาดูพระราชกรณียกิจของพระพี่นางฯกันดีกว่านะ
เพราะหลายคนอาจจะเห็นว่า ทำไมคนไทยถึงรักพระพี่นางขนาดนี้.......

เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จนิวัติประเทศไทยใน พ.ศ. 2493 สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงทราบดีว่าพระธิดาโปรดการเป็นครูมาแต่ทรงพระเยาว์ ได้รับสั่งแนะนำให้ทรงงานเป็นอาจารย์ จึงทรงรับงานเป็นอาจารย์พิเศษสอนภาฝรั่งเศสที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงสอนวิชาสนทนาภาษาฝรั่งเศส วิชาอารยธรรมฝรั่งเศส และวิชาวรรณคดีฝรั่งเศส นิสิตที่ได้มีโอกาสเป็นศิษย์ด้วยล้วนปีติยินดีในพระกรุณาธิคุณยิ่งนัก หลายคนรำลึกได้ว่าในวิชาวรรณคดีฝรั่งเศสทรงสอนผลงานของ Victor Hugo นักประพันธ์เอกของโลก สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงสอนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนถึง พ.ศ. 2501 ใน พ.ศ.2512 คณะศิลปศาสตร์

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ขอรับพระราชทานพระกรุณาให้ทรงเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทรงรับงานสอนและงานบริหารโดยทรงเป็นหัวหน้าสาขาสอนวิชาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศส และผู้อำนวยการภาษาต่างประเทศ อันประกอบด้วยภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และรัสเซีย สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงสอนวิชาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสแก่นักศึกษาชั้นปีต่างๆ และทรงดูแลการสอนของอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
นอกจากนี้ได้ทรงจัดทำหลักสูตรระดับปริญญาตรีภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสจนสำเร็จในปี พ.ศ. 2516 เป็นหลักสูตรที่ผสมผสานความรู้ด้านภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม

ในระหว่างที่ทรงปฏิบัติงานสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้กราบทูลเชิญเป็นองค์บรรยายพิเศษตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 ในปี พ.ศ. 2519 เมื่อพระราชกิจด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จึงทรงลาออกจากตำแหน่งอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ก็ยังเสด็จเป็นองค์บรรยายพิเศษต่อไปอีก นอกจากนั้น ยังทรงรับเป็นองค์บรรยายพิเศษวิชาภาษาฝรั่งเศสในคณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อีกด้วย
ต่อมาเมื่อทรงทราบปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดห่างไกลและมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ก็ได้พระราชทานพระเมตตา เสด็จไปทรงสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสโดยประทับอยู่ในวิทยาเขตปัตตานี ดังเช่นอาจารย์อื่นๆ

ระหว่างที่ทรงงานสอน ได้ทรงร่วมกิจกรรมทางวิชาการหลายด้าน เช่น ทรงเป็นกรรมการสอบชิงทุน ก.พ. ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทรงเป็นประธานออกข้อสอบภาษาฝรั่งเศสในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ หลังจากที่ปฏิบัติงานด้านการสอนมาจนถึงเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ พระราชทานตำแหน่ง ศาสตราจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ด้วยพระปรีชาญาณจากประสบการณ์ที่ทรงงานสอนภาษาฝรั่งเศสมาเป็นระยะเวลานาน จึงทรงตระหนักถึงปัญหาความต่อเนื่องในการเรียนภาษาฝรั่งเศสระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ทรงริเริ่มก่อตั้งสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทยขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2520 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การปรับปรุงวิธีการสอนทั้งระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา

ทรงดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 จนถึง พ.ศ. 2524 จากนั้นก็ทรงดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์สมาคมฯ มาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้พระราชทานพระอนุเคราะห์แก่สมาคมฯ ในทุกทาง อาทิ ทรงสนับสนุนการพิมพ์วารสารของสมาคม เพื่อเผยแพร่ความรู้ใหม่ ๆ พระราชทานพระนิพนธ์บทความลงวารสาร ทรงส่งเสริมให้สมาชิกครูได้เข้ารับการสัมมนา ดูงานและศึกษาต่อ เป็นต้น การเรียนการสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสและการวิจัยด้านภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทยทั้งระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษาจึงเจริญรุดหน้าเป็นลำดับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://hilight.kapook.com/view/18954

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550

สำหรับ นร.ยอแซฟวิทยาครับ


สำหรับการเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมและประถมศึกษาในเทอมที่หนึ่งก้อได้ผ่านไปแล้วนะครับ...สิ่งที่เลวร้ายก้อขอให้มันผ่านไปนะครับ^^" ส่วนเรื่องดีๆก้อขอให้มันเอาเก็บไว้(แล้วจะบ่นทำไมเนี่ย- -*หุหุ)เรามาเข้าเรื้องกันเลยดีกว่านะครับคือในเทอมแรกของปีการศึกษานี้ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมากเพราะว่าเรากำลังศึกษาอยู่ในตึกและอาคารเรียนใหม่ พร้อมๆกับการที่โรงเรียนยอแซฟวิทยาของเราเปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาอย่างเต็มตัวขึ้นมาครับ!! ซึงโรงเรียนของเราก้อกำลังอยู่ในขั้นของการต่อเติม และเพิ่มสมรรถภาพของโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้นไปพร้อมๆกับการทำการเรียนการสอน แต่สุดท้ายโรงเรียนและตัวนักเรียนเองก้อสามารถเอาตัวรอดมาได้ตั้ง1เทอม55+ ซึ่งในหนึ่งเทอมที่ผ่านมาหลายคน(ตัวนักเรียน)อาจจะพบว่าโรงเรียนของเราจะไม่เข้มงวดเรื่องของกฏระเบียบมากมายนัก แต่คนภายนอกที่เค้ามองเข้ามาในโรงเรียนของเรากลับคิดว่าโรงเรียนยอแซฟวิทยาเมื่อเปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาขึ้นมาดูเละเทะและไม่เป็นระเบียบเอาซะเลย ซึ่งในฐานะที่ผมก้อเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนและเป็นตัวแทนของสภานักเรียนจึงคิดว่า ในเทอม2ของปีการศึกษานี้จะดูแลความเรียบร้อยและเข้มงวดกับกฏระเบียบต่างๆให้มากขึ้นกว่านี้และก้าวหน้าไปพร้อมๆกับการพัฒนาโรงเรีนของเราให้มีศักยภาพมากขึ้นด้วย เพื่อประโยชน์ของทุกๆคน^^"ทั้งนี้อาจจะมีการเพิมกฏของโรงเรียนขึ้นมาบ้างเล็กน้อยและอาจมีกิจกรรมต่างๆให้นักเรียนได้ร่วมกันทำกิจกรรมมากยิ่งขึ้นเพื่อความสุขของพวกเรานั่นเอง ใรส่วนของบทลงโทษก้อจะไม่ร้ายแรงมากมายนัก หรืออาจจะเป็นการทำความดีทดแทน เอ่อ..แล้วก้อมีข่าวมาแจ้งอีกด้วยว่าเมื่อเปิดเทอมมานี้ น้องๆอาจจะได้พบกับบุคคลแปลกหน้าเข้ามาโรงเรียนของเราบ้างก้อไม่ต้องตกใจแต่อย่างใดนะครับเพราะพวกเค้าก้อคือเจ้าหน้าที่จาก สมศ.นะครับเพราะพวกเค้าจะมาประเมินโรงเรียนของเราเป็นเวลา3วันนะครับก้อขอให้น้องๆหรือเพื่อนๆทำตัวดีๆหน่อยละกันเน้อ แหะๆ^^" ต่อจากนั้นก้อมีอีก1งาน ซึ่งก้อคือโณงเรียนของเราก้อจะไปเข้าร่วมโครงการสวนพฤกษศาสตร์น่ะที่ ต.แสมสาน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งการไปในครั้งนี้ทางโรงเรียนของเราก้อจะส่งตัวแทนนักเรียนไปประมาณ10คนและส่งครูไปทัศนศึกษาดูงานอีก50คนเพื่อนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาโรงเรียนของเราอีกต่อไป ...เฮ้อ จบข่าวครับ5555+ยาวหน่อยนะวันนี้
เอ่อ..ฟังผลสอบวันที่ 29 ตุลาคม 2550 นะครับอย่าลืมพาผู้ปกครองไปฟังด้วยล่ะ..หุหุ

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เรื่องลูกกะตา

ครับวันนี้ได้ไปหาหมอมาครับเรื่องเกี่ยวกะลูกตาอ่ะครับ เพราะว่ามันมีอาการแปลกๆน่ะ อย่างเช่น ถ้าผมมองไปมองมาในที่ๆมีแสงมากหรือกลางแจ้งหรือในเวลาอ่านหนังสือน่ะมันก้อจะมี จุดสีดำๆหรือ รูปคล้ายๆหยากไย่น่ะครับ เป็นเงาลอย ซึ่ง ผมไป ร.พ.กรุงเทพอ่ะครับไปพบจักษุแพทย์มาเค้าก้อตรวจอย่างละเอียดเลยนิ ก่อนอื่นเค้าก้อสอบถามอาการเราน่ะครับ ต่อมาเค้าก้อหยอดยาหยอดตาหรือที่เค้าเรียกว่ายาขยายม่านตา(มั้งนะ..อิอิ) หยอดไป 3 ครั้งครับ แต่ละครั้งก้อทิ้งเวลาห่างกันประมาณ 5 นาที พอหยอดเสร็จหมอเค้าก้อเอาตัวผมไปตรวจลูกตาอีกรอบครับคราวนี้ผมเริ่มมองอะไรก้อมัวไปหมดครับเป็นเพราะฤทธิ์ยานั่นเอง ผมก้อถามหมอไปว่ามันจะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ยหมอก้อบอกว่า มันจะเห็นภาพไม่ชัดหรือมัวๆเป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงมันถึงจะกลับมาเป็นอย่างเดิมนะ พอเค้าพูดจบก้อทำการตรวจลูกกะตาของผมอย่างถี่ถ้วนกันเลยทีเดียวนิ ทั้งถ่ายรูปทั้งเอาไฟส่อง ซึ่งในตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกแล้วครับเพราะภาพที่เห็นนั้นมันมัวมากเลยทีเดียว ผมก้อนอนให้เค้าตรวจไปเรื่อย จนสุดท้ายหมอเค้าก้ออธิบายเรื่องลูกกะตาให้ผมได้ฟังกัน อ่ะนะ ซึ่งโรคที่ผมเป็นอยู่นั้นที่จริงมันไม่ใช่โรคหรอกครับแต่มันเป็นแค่เพียง ตะกอนในวุ้นที่อยู่ในลูกตาเราก้อเท่านั้นเอง รายละเอียดมี ดังนี้ ครับ แต่ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจว่าในลูกตาคนเรานั้นส่วนที่อยู่ข้างในตรงกลางจะเป็นวุ้นใสๆนะครับ
-----เงาตะกอนวุ้นตา(Floaters)คือ เงาดำเล็กๆหรือหยากไย่ลอยไปมา จะเห็นชัดขึ้นเมื่อมีแสงสว่างเข้าตามาก เช่น เมื่อมองพื้นขาวหรือท้องฟ้าใส เงาดำจะจางลงไปเมื่อแสงเข้าตาน้อย เช่นขณะอยู่ที่ร่มหรือในบ้านเป็นต้น รูปร่างลักษณะของเงาดำจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามรูปร่างของตะกอนใน้วุ้นตา เช่น เป็นจุดวงแหวน หยากไย่คล้ายไยแมงมุม เป็นต้น ซึ่งถ้าหากเงาดำนี้เกิดขึ้นทันทีทันใดก้ออาจจะทำให้ตกใจได้ จำนวนของเงาดำนั้นมีวามสำคัญมาก ถ้าจำนวนจุดมีน้อยกว่า10จุด ส่วนใหญ่ไม่มีอันตราย เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของตาเมื่อมีอายุมากขนเท่านั้น ผู้ที่มีสายตาสั้น หรือหลังลอกต้อกระจก จะพบรากฏการณ์นี้มากกว่าตนปกติทั่วไป แต่ถ้าจำนวนจุดมากกว่า10จุด อาจจะมีเลือดออกในน้ำวุ้นจากการฉีกขาดของจอประสาทได้-------สาเหตุของเงาตะกอนน้ำวุ้นตา ปกติช่องว่างภายในลูกตาจะมีน้ำวุ้นเหมือนเยลลี่บรรจุอยู่เต็มไม่มีการเคลื่อนไหว แต่เนื่องจากการมีอายุมากขึ้น การมีสายตาสั้นมากๆ หรือการโดนกระแทกที่ศีรษะหรือบริเวณตา ทำให้น้ำวุ้นเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลวและตกตะกอน เงาของตะกอนอาจจะใสๆ หรือสีเทา ลอยไปลอยมาตามการไหลของน้ำวุ้น เมื่อมีการกลอกตา---------อาการของตะกอนน้ำวุ้นที่เป็นอันตราย การที่น้ำวุ้นเปลี่ยนสภาพป็นของเหลว เปนปรากฏการณ์ตามปกติ ดังนั้น การมองเห็นจุดดำน้อยกว่า 10 จุด มักเป็นเรื่องปกติ แต่ในบางรายภาวะที่มีการตกตะกอนนี้ น้ำวุ้นตาจะหดตัว แยกออกจากจอประสาทตาไปพร้อมกันบางครั้งดึงรั้งจนจอตาฉีกขาด และถ้าตำแหน่งที่ฉีกขาดตรงกับเส้นเลือดที่จอตา เลือดจะไหลเข้าไปในวุ้นตา ทำให้เห็นเงาดำเป็นจุดเล็กๆจำนวนมากกว่า10จุด ในกรณีนี้อัตรายมาก เพราะจอตาอาจลอกหลุดได้ ในบางรายระหว่างที่น้ำวุ้นกำลังดึงจอประสาทตา จะมีอาการมองเห็นไฟแลบเป็นรูปโค้งๆ(เหใอนถูกถ่ายรูปด้วยแฟล็ช)มักจะเห็นตอนค่อนข้างมืดในขณะกลอกตาไปทางใดทางหนึ่ง อาการเห็นไฟแลบอาจจะเป็นอยู่ 2-3 วันถึง 6 เดือน โดยไม่มีอันตรายใดๆนะครับ ฉะนั้น หากจักษุแพทย์ไม่ได้ตรวจตาอย่างละเอียด ก็ไม่มีโอกาสทราบได้ว่า ตะกอนน้ำวุ้นตาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยหรือไม่ ดังนั้น ถ้ามีเงาดำเกิดขึ้นทันทีทันใด หรือมีอาการเห็นแสงไฟแลบควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันทีนะครับ----------วิธีรักษาตะกอนวุ้นตา แม้ในปัจจุบันยังไม่มียาที่จะรักษาให้ตะกอนวุ้นตาละลายไปได้ แต่ให้เข้าใจว่า เฉพาะเงาดำที่เกิดจากการตกตะกอนตามธรรมชาติของน้ำวุ้นตานั้นไม่มีอันตรายใดๆ ต่อตา ไม่มีผลที่จะทำให้ตามัวลง และทั่วๆไปจะไม่เป็นมากขึ้น นอกจากจะทำให้รำคาญ และวิตกกังวลเท่านั้น ส่วนเรื่องการเล่นคอมหรือดูทีวีมากไปนั้นจะไม่ส่งผลต่อเรื่องนี้เลยครับ และเมื่อผู้ป่วยเข้าใจแล้วว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกดขึ้นตามวัยเช่นเดียวกับสีของเส้นผมที่เปลี่ยนไป ความวิตกกังวลก้อจะคลายลง และเกิดความเคยชินจนเงาดำค่อยๆลายหายไปเองจากความรู้สึก ดังนั้น การผ่าตัดเพื่อเอาตะกอนนำวุ้นตาออกจึงไม่ทำกัน เพราะประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับการเสี่ยง ผู้ป่วยบางรายอาจต้องพบกับความรำคาญขณะอ่านหนังสือ เพราะเงาตะกอนน้ำวุ้นมาบังรบกวนประสาทตา วิธีแก้ไขคือ ให้กลอกตามองขึ้น มองลงไปรอบๆ จะทำให้วุ้นภ่ยในลูกตาไหลวน ตะกอนก้อจะเคลื่อนย้ายตำแหน่งไป ทำให้ไม่บังตา----------ควรได้รับการตรวจจากจักษุแพทย์หรือไม่?ถ้าเกิดอาการแบบนี้ คำตอบคือควรเป็นอย่างยิ่งครับยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดีเพราะการเป็นแบบนี้เกิดขึ้นประมาณร้อยละ 15 เปอร์เซ้นต์ของผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติขของจอประสาทตา คือ รูรั่ว หรือรอยฉีกขาดเกิดขึ้นร่วมด้วย ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที รอยนี้ก้อจะลุกลาม เป็นจอประสาทตาหลุดออก ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัดรักษา การรักษารูรั่วหรือรอยฉีกขาดที่จอประสาทตายังไม่หลุดลอกนั้นสามารถทำได้ง่าย โดยใช้เลเซอร์ไปอุดรอยรั่วเท่านั้นก้อเพียงพอ ดังนั้นผู้ป่ายที่มองเห็นจุดลอยควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจว่าประสาทตาอ่อนแอ และมีโอกาสเป็นรูรั่วหรือไม่แต่ในรายที่เห็นไฟแลบและมองเห็นตะกอนมากกว่า10จุด ต้องพบจักษุแพทย์ทันที เพราะมีอัตราเสี่ยงกับการมีรอยรั่วที่จอประสาทตามากที่สุด....ใครที่เป็นแบบนี้ก้อไม่ต้องกังวลไปนะครับเพราะผมก้อเป็น..อิอิอย่าเครียดไปล่ะเพราะว่าถ้าเรากลอกตาไปมาเด๋วมันก้อเคลื่อนที่หายไปทางที่เรากลอกตาไปบ่อยๆนั่นแหละดังนั้นเราจึกต้องกลอกตาไปในที่ๆไม่รบกวนจอรับภาพนะครับ

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เรื่องทั่วไปในวงการฟุตบอล


ครับสำหรับช่วงนี้ก้อมีเรื่องมากมายให้ได้ถกเถียงกันครับสำหรับในวงการฟุตบอลทุกลีก
1.เรื่องไอ้แมงสาบ(ดร็อกบา)ที่ออกมาบอกว่าจะย้ายทีมในช่วงตลาดเปิดครั้งต่อไปนี้
เหตุผลที่เค้าบอกก้อคือเค้าไม่ชอบ แกรนท์(เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของเชลซีหลังจากมูรินโญ่
ลาออกไปเพราะมีเรื่องกะเจ้าของสโมสร) และเป้าหมายที่เค้าจะย้ายไปซบก้อคือ มาดริด บาซ่า
หรือ มิลาน ทีมใดทีม หนึ่ง ซึ่งหลังจากที่ไอ้แมงสาบออกมาพูดแบบนี้คุณคางคก(แกรนท์)เค้าก้อไม่ยอม
จึงออกมาแถลงข่าวว่าจะพยายามคุยกะแมงสาบดู ..ซึ่งเรื่องนี้ก้อต้องรอดูกันต่อไปครับ
2.เรื่องพี่เหยินน้อย (โรนัลดินโญ่)ออกมาบอกว่าไม่มีความสุขเลยในช่วงนี้หลังจากที่โดนดร็อปมาหลายนัด
เพราะช่วงนี้ คุณเมสซี่และอองรีเล่นกันได้อย่างดีมากทำให้รัศมีของตัวออกจางหายไป ซึ่งออกมาแถลงข่าวว่า
เค้าอยากจะย้ายทีมในช่วงเปิดตลาดครั้ง่ตอไปซึ่งแน่นอนที่จะมีข่าวออกมาบอกว่าอยากอยู่กับมิลานหรือไม่ก้อเชลซี
แต่ความเป็นไปได้ก้อน่าจะเป็นทางด้านมิลานมากกว่าที่จะได้ตัวเค้าไปเพราะว่าในทีมมิลานนั้น มีหลายคนที่เป็นบราซิลเลี่ยน
ซึ่งเรื่องนี้ก้อต้องรอดูกันต่อไป..เค้าอาจจะไม่ย้ายทีมก้อได้เพราะแฟร้งไลกาจคงไม่ปล่อยเค้าไปง่ายๆหรอกนะ
3.เรื่องทีมชาติอังกฤษครับ เรื่องนี้เป็นที่พูดถึงกันอย่างมากหลังจากที่ คุณสตีฟแม็คคาเลน(ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ)
พาทีมอังกฤษไปรัสเซียซึ่งไปแข่งกัน(บอลยูโรรอบแบ่งกลุ่ม)ที่สนามของรัสเซียเองซึ่งก่อนแข่งก้อมีข่าวมามากมายว่า
สนามเป็ฯหญ้าเทียมแล้วจะดีหรือและในระหว่างจบครึ่งแรกก้อมีการรดน้ำหญ้าอย่างหนักซึ่งน่าเป็ฯแผนของรัสเซีย(อังกฤษ
เค้าว่ามางี้นะสื้อน่ะ) ซึ่งผลก้ออกมาปรากฏว่าอังกฤษแพ้ไปอย่างน่าเสียดายครับคือแพ้ไป 2-1 หลังจากที่พวกเค้านำไปก่อนด้วยซ้ำ
หลังจากจบเกมทางสื่อก้อออกมาบอกว่าอังกฤษกำลังอยู่ในช่วงของวิกฤษแล้วหละเพราะอาจจะตกรอบนี้ก้อได้
แต่ถ้าอังกฤษตกรอบผมเสียทีตามมาก้อคือสื่อทั่วโลกจะขาดรยได้หรือขาดทุนจากการนำเสนอบอลยูโรในปีนี้ซึ่ง
เค้าคาดการณ์ว่าสื่อทั่วโลกจะขาดทุนเพระอังกฤษประมาณ 100000 ยูโร ครับเพราะว่าแฟนบอลอังกฤษเค้าเยอะจริงๆ
-----โปรดติดตามตอนต่อไปครับเมื่อยและเอาวันหลังจะมาทำต่อละกัน..อิอิ----------------

เยี่ยม..!!


ในที่สุดมิลานก้อคืนฟอร์มเก่งมาได้ครับหลังจากที่ไปถล่มลาซิโอมา5-1
ซึ่งเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากครับสำหรับคุณจิลาดิโน่ที่สามารถทำ2ประตู
ในนัดนี้ได้ซึ่งฟอร์มก่อนหน้านี้เค้าฝืดเป็นอย่างยิ่งครับ ยิ่งไม่ค่อยได้เล้ย
ส่วนฟอร์มการเล่นของกาก้าก้อยิงไป2ลูกครับ..หึหึ ของเค้าเทพจริงๆ
หลังจากจบนัดนี้นักเตะหลายคนก้อต้องกลับบ้านเกิดครับ เพราะว่ามีบอลยูโร
และคักศึดบอลโลก แล้วจากการที่ดีด้าไปแสดงละครต่อหน้าแฟนบอลในถิน
ม้าลายเขียวขาวในศึกแชมเปี้ยนลีก เค้าได้รับการลงโทษคือโดนแบนห้ามเล่น2นัด
ครับ และในส่วนของสโมสรเวลติกก้อได้รับโทษเช่นกันหลังจากปล่อยให้แฟนบอล
เข้ามา ยุ่งกะนักเตะมิลานง่ะ ก้อโดนปรับเป็นจำนวนเงินไม่มากครับ คือประมาณ
25000 ปอนด์(อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจครับเพราะมันนานและไม่ไอ้อัพมานาน..อิอิ)
ในส่วนตัวผมคิดว่าไม่แฟร์นะครับเพราะว่าทางเซลติกพยามที่จะเอาเรื่องดีด้า
มากลบเกลือนความผิดของตัวเอที่มีแฟนบอลเข้ามาในสนาม ที่อันที่จริงแล้วใน
กรณ๊ของเซลติกนั้นเป็นโทษที่หนักกว่าททางมิลานนะแต่สื่อก้อประโคมข่าวแต่ดีด้าไม่
ค่อยม่ใครมาสนใจเรื่องของเซลติกซักเท่าไรอ่ะ